หนึ่งในตัวอย่างที่เด่นชัดคือ ปราสาทนครวัด ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่และมีความซับซ้อนสูง สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 ในช่วงสมัยอาณาจักรเขมร โดยได้รับแรงบันดาลใจจากความเชื่อในศาสนาฮินดู แต่ภายหลังได้ถูกปรับใช้ในศาสนาพุทธ ความยิ่งใหญ่ของปราสาทนี้สะท้อนถึง คติจักรวาลตามคัมภีร์ฮินดู ที่มองโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล และมีภูเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นที่พำนักของเทพเจ้า การออกแบบโครงสร้างที่มีลักษณะเหมือนภูเขาหินเป็นสัญลักษณ์ของ เขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของจักรวาลตามคติความเชื่อ
นอกจากปราสาทนครวัดแล้ว ยังมีปราสาทอื่นๆ เช่น ปราสาทบายน ที่มีพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรปรากฏอยู่ในรูปสลัก ซึ่งแสดงถึงการผสมผสานระหว่างความเชื่อทางศาสนาพุทธแบบมหายานและการปกครองของอาณาจักร สถาปัตยกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงออกถึงความเลื่อมใสศรัทธาในศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงถึง อำนาจและความยิ่งใหญ่ของกษัตริย์ ซึ่งได้รับการเชื่อมโยงกับศาสนาอย่างใกล้ชิด
ศาสนาพุทธมีบทบาทในการกำหนดการสร้างวัดวาอารามที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติธรรม และการแสดงความเคารพต่อพระพุทธเจ้า ตัวอย่างเช่น สถูปและเจดีย์ ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการปล่อยวางและนิพพาน ในขณะที่ศาสนาฮินดูส่งเสริมให้สร้างปราสาทที่เป็นที่พำนักของเทพเจ้า โดยมีการสร้างเทวสถานและลวดลายแกะสลักที่เล่าเรื่องราวจากคัมภีร์มหากาพย์ เช่น รามายณะและมหาภารตะ
สถาปัตยกรรมในอาณาจักรมอญ-เขมรจึงเป็นการผสมผสานระหว่าง ศาสนาพุทธและฮินดู ที่มีความงดงามทางศิลปะและมีความหมายทางจิตวิญญาณที่ลึกซึ้ง งานสถาปัตยกรรมเหล่านี้ไม่เพียงเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่า แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนถึง ความสัมพันธ์ระหว่างศาสนาและอำนาจการปกครอง ในสมัยนั้นอย่างชัดเจน